3 ข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเลือกติดฟิล์มรถยนต์

Date

สรุปเนื้อหา : 3 ข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเลือกติดฟิล์มรถยนต์

ฟิล์มใสไม่ได้ร้อนเสมอไป และฟิล์มดำก็ไม่ได้เย็นเสมอไป

หลายคนคิดว่าติดฟิล์มมืดๆดีกว่า รถจะได้เย็นๆ และสิ่งที่ได้ยินบ่อยๆอีกอย่างก็คือ ฟิล์มใสขนาดนี้ไม่ร้อนหรือไง ก่อนที่จะแก้ไขชุดความคิดเหล่านี้ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่า ฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีปัจจัยหลักๆอะไรบ้างที่เราจะเป็นต้องรู้

  •  ค่า VLT (Visible Light Transmitted)
    เรียกง่ายๆก็คือค่าของแสงที่สามารถส่องผ่านได้ ตัวนี้จะเป็นตัวที่จะบอกเราว่าฟิล์มจะมืดหรือใส ยิ่งค่าตัวนี้ต่ำเท่าไหร่ แปลว่าแสงจะส่องผ่านได้น้อยเท่านั้น ฟิล์มก้อจะมืดขึ้นเรื่อยๆ
  • ค่า UVR (Ultra-Violet Rejection)
    นี่คือส่วนที่จะแสดงว่าฟิล์มตัวนี้สามารถกันรังสียูวีได้มากน้อยเท่าไหร่
  • ค่า IRR (IR Rejection)
    ความสามารถในการกันรังสีอินฟราเรด / รังสีความร้อน ตัวเลขนี้จะเป็นตัวบอกเราว่าฟิล์มนี้สามารถกันความร้อนได้ดีแค่ไหน ยิ่งตัวเลขสูงเท่าไหร่ ก็จะสามารถกันความร้อนได้ดีมากขึ้นเท่านั้น
  • ค่า TSER (Total Solar Energy Rejection)
    ตัวนี้ให้เข้าใจว่าเป็นค่าลดความร้อนโดยรวมก็ได้ ใช้ตัวเลขจากหลายๆค่ามาตีเฉลี่ยออกมาวัดผล
จาก 4 ปัจจัยข้างบน เราจะเริ่มเห็นแล้วว่ามีการวัดค่าบางอย่างที่แยกออกจากกัน นั่นทำให้ฟิล์มที่มืดมากๆก็ไม่จำเป็นที่จะกันร้อนได้ดีมากๆ และฟิล์มที่ใสมากๆ ก็ไม่จำเป็นที่จะร้อนเช่นกัน ฟิล์มมืดบางตัวที่มีค่า VLT ค่าที่ยอมให้แสงส่องผ่านน้อยมากๆนั้น กลับมีค่า IRR ที่ต่ำ ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการกันความร้อนต่ำตามไปด้วย ในทางกลับกัน ฟิล์มใสบางตัวกลับมีค่า IRR ที่สูงกว่าฟิล์มดำบางยี่ห้อ ซึ่งทำให้สามารถกันความร้อนได้ดีกว่าซะด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่นฟิล์ม KORI CERAMIC SERIES ของทางที่เรานำเข้ามานั้น ในสินค้าตัว BLUE Nano Ceramic ที่แสงส่องผ่าน (VLT) ได้มากถึง 70% แต่ให้ค่าในการกันรังสีอินฟราเรด / รังสีความร้อน (IRR) มากถึง 95% ซึ่งฟิล์มดำหลายตัวในตลาดยังไม่สามารถทำได้มากขนาดนี้

ฟิล์มติดรถยนต์มีหมดอายุ ไม่ใช่ติดครั้งเดียวแล้วจะสามารถใช้ได้ตลอดไป

หลายคนมีชุดความเชื่อว่ารถยนต์หนึ่งคัน ติดฟิล์มครั้งเดียว อยู่กันไปยาวๆเลย ซึ่งไม่ถูกต้องทั้งหมด ฟิล์มรถยนต์จะเสื่อมสภาพลงไปเรื่อยๆตามอายุการใช้งาน และยิ่งด้วยสภาพอากาศของบ้านเรา แสงแดดและความร้อนระดับซ้อมตกนรกของเมืองไทย ยิ่งทำให้ประสิทธิภาพของฟิล์มเสื่อมลงเร็วขึ้น

จริงๆแล้วเราสามารถวัดค่าของฟิล์มที่เราติดอยู่ปัจจุบันได้ว่ายังมีประสิทธิภาพมากน้อยเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เราสามารถสังเกตุได้ง่ายด้วยตาเปล่าก็มีหลายอย่าง เช่น

  • ฟิล์มเริ่มเปลี่ยนสี ในส่วนของฟิล์มที่ใส มักจะสามารถสังเกตเห็นสีของฟิล์มที่จางลงได้ง่าย ในส่วนของฟิล์มเข้มๆ สีมักจะเริ่มเปลี่ยน บางคันจะเห็นว่าฟิล์มเริ่มเป็นสีม่วง นั่นคือสัญญาณบอกว่าฟิล์มรถยนต์ของเราเริ่มเสื่อมอายุแล้ว
  • ฟิล์มเริ่มมีฟองอากาศเกิดขึ้น ในบางคันจะเริ่มขึ้นเป็นจุดๆ หรือบางคันก็จะเกิดขึ้นเป็นแผงเลย นั่นคือสิ่งที่บอกว่ากาวที่ใช้ยึดติดนั้นเริ่มมีการเสื่อมสภาพ ซึ่งเป็นปัญหาในทัศนะวิสัยของการขับขี่ด้วย
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.carmeltint.com/Cheap_Window_Tint.html

ฟิล์มแพงอาจจะไม่ได้ดีกว่าฟิล์มราคาต่ำกว่าเสมอไป แต่ฟิล์มที่ถูกเกินไป ย่อมมีข้อไม่ดีมากกว่าแน่ๆ

แน่นอนว่าราคาจะเป็นส่วนหนึ่่งที่แสดงถึงประสิทธิภาพของฟิล์ม ฟิล์มราคาถูกมากๆมักจะลดคุณสมบัติต่างๆ เพื่อให้สามารถทำราคาได้ถูกลง หรือแย่ไปกว่านั้น บางรายอาจจะผลิตสินค้าออกมาโดยไม่ได้มาตรฐานอะไรเลยก็มี

แต่ฟิล์มบางตัว ราคาต่ำกว่าฟิล์มยี่ห้อดังที่รู้จักในตลาด แต่ประสิทธิภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย บางครั้งอาจจะมีประสิทธิภาพในบางส่วนมากกว่าด้วยซ้ำ เหตุผลที่เกิดขึ้นได้เนื่องจากฟิล์มบางชนิด ไม่ได้จ่ายเงินเพื่อทำการตลาดอย่างมหาศาลอย่างยี่ห้อดังๆที่เราได้เห็นโฆษณาอยู่บ่อยๆในตลาดที่มีการแข่งขันสูง เมื่อลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดลงไป ก็สามารถทำฟิล์มที่มีคุณภาพสูงที่ราคาต่ำลงได้ 

อย่างเช่น KORI CERAMIC FILM ที่อาจจะไม่ได้มีคนรู้จักมากมาย แต่ด้วยการผลิตที่ได้มาตรฐาน ISO9001:2008  ที่ให้ประสิทธิภาพได้เทียบเท่ายี่ห้อดังในท้องตลาด และเหนือกว่าบางยี่ห้อด้วยซ้ำ อาจจะเป็นตัวเลือกที่ทำให้ผู้ใช้รถได้สินค้าที่มีคุณภาพและยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากพอสมควร KORI CERAMIC FILM มีหลากหลายสเปคให้ลูกค้าได้เลือกได้ตรงตามความชอบ และสไตล์ของแต่ละคน สามารถติดต่อสอบถามสินค้าได้ที่ FOLK FILM CAR ผู้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในไทย ทางเรามีผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยแนะนำลูกค้าให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุดกับเงินที่เสียไป

More
articles